แปรงทาสีเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยให้สีติดพื้นผิวได้สวย เรียบ และรวดเร็ว แปรงทาสีมีหลายรูปทรง ซึ่งแต่ละแบบมีลักษณะและคุณสมบัติที่แตกต่างกัน การเลือกแปรงให้เหมาะกับงาน จะช่วยให้งานออกมาดี ใช้สีได้อย่างคุ้มค่า และไม่เสียเวลาในการแก้งาน

แปรงทาสีทรงแบน (Flat Brush)
ลักษณะ: ขนแปรงเรียงเป็นแนวตรง แบนราบ มีความกว้างให้เลือกหลายขนาด ด้ามจับตรง
จุดเด่น: ปาดสีได้กว้าง เกลี่ยสีได้เรียบ ไม่ทิ้งรอยแปรงง่าย อุ้มสีได้พอดี
การใช้งาน:
- งานทาพื้นที่กว้าง เช่น ผนัง แผ่นไม้ แผ่นโลหะ
- งานเก็บพื้นรอบใหญ่ ๆ ที่ไม่ต้องเก็บรายละเอียดมาก
แปรงทาสีหัวเฉียง (Angle Brush)
ลักษณะ: ขนแปรงถูกตัดให้เฉียง ทำให้ด้านหนึ่งสูงกว่าอีกด้านหนึ่ง
จุดเด่น: ช่วยให้ทาสีตรงขอบ มุม หรือร่องเล็ก ๆ ได้สะดวกและแม่นยำ
การใช้งาน:
- งานทารอยต่อของผนังกับฝ้า
- ทารอบวงกบ หน้าต่าง ขอบบัว
- งานที่ต้องการความเรียบร้อยบริเวณขอบ
แปรงทาสีทรงกลม (Round Brush)
ลักษณะ: ขนแปรงเรียงกันเป็นรูปทรงกลม ปลายแหลมหรือมน
จุดเด่น: ควบคุมทิศทางของเส้นสีได้ดี ใช้สำหรับเก็บรายละเอียด ปาดสีในจุดเล็ก ๆ
การใช้งาน:
- งานศิลปะที่ต้องการความละเอียด
- งานตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ ลวดลายบนไม้
- ทาในช่องแคบ มุมโค้ง
แปรงหัวพู่กันปลายแหลม (Pointed Brush)
ลักษณะ: ปลายขนเรียวเล็ก แหลมตรงกลาง เหมือนพู่กัน
จุดเด่น: ใช้เก็บลายเส้นหรือเขียนเส้นได้แม่นยำ ไม่เปื้อนขอบข้าง
การใช้งาน:
- งานวาดลาย งานเพ้นท์
- งานเก็บสีในซอกเล็กหรือพื้นที่แคบมาก ๆ
- งานตกแต่งลวดลายบนผิวงาน
แปรงหัวพุ่ม (Filbert Brush)
ลักษณะ: หัวแปรงแบนแต่ปลายมนโค้งเหมือนรูปไข่
จุดเด่น: ผสมข้อดีของแปรงแบนและแปรงกลม ทาได้ทั้งพื้นที่กว้างและเก็บขอบได้ดี
การใช้งาน:
- งานศิลปะ ภาพวาดที่ต้องการไล่สีให้เนียน
- งานที่มีขอบโค้งหรือลายเส้นที่ไม่เป็นมุม
แปรงหัวพัด (Fan Brush)
ลักษณะ: ขนแปรงแผ่ออกเป็นรูปพัด ด้านข้างบาง
จุดเด่น: ปาดสีบาง ๆ ได้ดี ช่วยเกลี่ยสีให้เนียนและเบา เหมาะสำหรับทำพื้นผิวหรือแสงเงา
การใช้งาน:
- งานวาดภาพแนวธรรมชาติ เช่น ใบไม้ ทุ่งหญ้า
- งานเก็บเงา เก็บแสงในงานศิลปะ
แปรงลูกกลิ้ง (Roller Brush)
ลักษณะ: หัวแปรงเป็นลูกกลิ้งทรงกระบอก หมุนได้รอบตัว มีด้ามจับยาว
จุดเด่น: ทาสีได้เร็วในพื้นที่กว้าง สีเรียบ ไม่เป็นรอยแปรง
การใช้งาน:
- งานทาผนัง เพดาน หรือพื้นผิวใหญ่
- งานที่ต้องการความรวดเร็วและสม่ำเสมอ
แปรงแบนด้ามสั้น (Stencil Brush)
ลักษณะ: หัวแปรงกลม ปลายขนตัดตรง ด้ามจับสั้นและใหญ่
จุดเด่น: ใช้แตะหรือกดสีเป็นจุด ไม่ปาด ไม่เลอะง่าย
การใช้งาน:
- งานลายฉลุ งานตกแต่ง
- งานที่ต้องการลายแบบซ้ำ ๆ อย่างมีแบบพิมพ์
แปรงหัวตัดปลายมน (Bright Brush)
ลักษณะ: ขนแปรงคล้ายแปรงแบน แต่สั้นและปลายตัดโค้งเล็กน้อย
จุดเด่น: ใช้เกลี่ยสีเข้ม ๆ และควบคุมทิศทางได้ดี
การใช้งาน:
- งานสีที่มีความข้น
- งานที่ต้องการความแน่นของสีและไม่เลอะบริเวณรอบข้าง
แปรงทรงสามเหลี่ยมปลายแหลม (Detail Angle Brush)
ลักษณะ: ปลายแปรงตัดเฉียงเป็นสามเหลี่ยม ปลายแหลมเล็ก
จุดเด่น: ใช้เก็บงานมุมแคบ มุมเล็ก จุดที่แปรงใหญ่เข้าไม่ถึง
การใช้งาน:
- งานเก็บรายละเอียดรอบลูกบิด ประตู ร่อง
- งานซ่อมสีเฉพาะจุด
การเลือกแปรงทาสีให้เหมาะกับงานเป็นสิ่งที่ควรใส่ใจ เพราะแปรงแต่ละแบบถูกออกแบบมาให้เหมาะกับการใช้งานเฉพาะด้าน หากเลือกได้ถูกต้อง จะช่วยให้งานเสร็จเร็ว สีติดดี และเรียบร้อย การใช้งานแปรงผิดประเภทอาจทำให้เปลืองสี ทาไม่เรียบ หรือเสียเวลาซ้ำซ้อน

การเลือกแปรงให้เหมาะกับลักษณะพื้นผิว
พื้นผิวเรียบ
พื้นผิวที่ไม่มีร่อง ไม่มีลาย เช่น ผนังปูนฉาบเรียบ แผ่นไม้เรียบ แผ่นยิปซัม เหมาะกับแปรงแบน หรือแปรงลูกกลิ้ง เพราะช่วยทาสีได้เรียบ สีติดสม่ำเสมอ ไม่เป็นเส้น
พื้นผิวขรุขระ
พื้นผิวที่มีความหยาบ เช่น ผนังฉาบทราย ผนังปูนลอฟท์ ไม้เก่า หรือโลหะที่เป็นสนิม เหมาะกับแปรงขนแข็งหรือแปรงหัวตัดเฉียง ช่วยให้สีแทรกเข้าตามร่องได้ดี ไม่เปลืองสี
พื้นผิวที่มีร่องหรือลายเสี้ยนไม้
พื้นไม้ที่โชว์ลาย เช่น ไม้จริง ผิวไม้ฉลุลาย ประตูไม้มีบัวหรือร่องลึก เหมาะกับแปรงหัวเฉียงหรือแปรงกลม เพราะเข้าร่องได้ง่าย เก็บสีตามลายได้ครบ
พื้นผิวมีขอบหรือมุมแคบ
มุมแคบ เช่น บริเวณขอบหน้าต่าง มุมห้อง มุมระหว่างฝ้าเพดานกับผนัง เหมาะกับแปรงหัวเฉียง หรือแปรงทรงสามเหลี่ยมปลายแหลม ใช้เก็บงานให้เรียบร้อย
พื้นผิวโค้งหรือวงกลม
ผิวโค้ง เช่น ท่อโลหะ เสา หรือของตกแต่งรูปทรงโค้ง เหมาะกับแปรงหัวกลมหรือแปรงฟิลเบิร์ต เพราะปรับแนวขนแปรงให้โค้งตามชิ้นงานได้ง่าย
การเลือกแปรงให้ตรงกับลักษณะพื้นผิวจะช่วยให้สีติดดี ไม่เปลืองแรง และไม่ต้องเสียเวลาทาซ้ำหลายรอบ งานจะออกมาสวย เนียน และเป็นมืออาชีพยิ่งขึ้น
ผลกระทบจากใช้งานแปรงทาสีผิดประเภท
- สีไม่เรียบ เสมอไม่ทั่วพื้นผิว : เมื่อใช้แปรงที่ไม่เหมาะกับชนิดสีหรือพื้นผิว สีจะไม่ปาดเรียบ อาจเกิดรอยเส้น รอยคลื่น หรือสีบางเป็นจุด ๆ
- เปลืองสีโดยไม่จำเป็น : แปรงที่ไม่เหมาะสมอาจดูดสีได้น้อยหรือมากเกินไป ทำให้ต้องจุ่มสีบ่อย หรือใช้สีมากกว่าที่ควร
- ทำให้พื้นผิวเสียหาย : หากใช้แปรงขนแข็งเกินไปกับพื้นผิวบอบบาง อาจทำให้เกิดรอยขูด รอยถลอก หรือทำให้พื้นผิวไม่เรียบ
- แปรงเสียรูปเร็ว : แปรงที่ใช้ผิดลักษณะงาน เช่น ใช้กับสีที่มีสารเคมีแรง โดยไม่เหมาะกับขนแปรงนั้น จะทำให้ขนแปรงเปื่อย บิดงอ หรือหลุดง่าย
- ทำงานได้ช้า และต้องซ่อมงานบ่อย : เมื่อแปรงไม่สามารถทาสีให้เรียบได้ในการปาดครั้งเดียว จะต้องทาซ้ำ หรือเก็บรายละเอียดภายหลัง เสียเวลาและแรงงานมากขึ้น
- ขอบหรือมุมเลอะเทอะ ไม่เรียบร้อย : ใช้แปรงใหญ่หรือปลายแปรงไม่เข้ากับมุมแคบ จะทำให้สีเกินขอบ ทาสียาก และดูไม่เรียบร้อย
- ไม่สามารถเก็บรายละเอียดได้ดี : แปรงหัวใหญ่หรือขนแข็งเกินไปไม่เหมาะกับงานเก็บลาย งานศิลปะ หรือพื้นที่เล็ก ๆ ทำให้พลาดจุดสำคัญ
- ขนแปรงร่วงติดชิ้นงาน : แปรงที่ไม่เหมาะกับประเภทสี หรือมีคุณภาพต่ำ มักมีปัญหาขนร่วง เมื่อติดกับพื้นผิว จะต้องเสียเวลาคัดออก
ควรเลือกแปรงให้ตรงกับลักษณะพื้นผิว เช่น ผนังเรียบควรใช้แปรงแบน พื้นผิวมีขอบหรือร่องควรใช้แปรงหัวเฉียง หากเป็นงานตกแต่งหรืองานศิลปะควรใช้แปรงเฉพาะด้าน เช่น หัวกลม หัวพัด หรือหัวฟิลเบิร์ต เพื่อให้งานออกมาสวยอย่างที่ต้องการ งานทาสีจะสนุกและมีคุณภาพมากขึ้นเมื่อมีแปรงที่ใช่ในงานที่เหมาะสมเสมอ












