ความแตกต่างของเคเบิ้ลไทร์แบบปลดล็อคได้กับแบบทั่วไป และปัจจัยในการพิจารณาเพื่อเลือกใช้กับงาน

Facebook
Twitter
Email

เคเบิ้ลไทร์ เป็นอุปกรณ์ที่นิยมใช้มากในงานช่าง งานจัดระเบียบสายไฟ หรือการยึดสิ่งของต่าง ๆ ให้ติดกันอย่างแน่นหนา เคเบิ้ลไทร์มีหลายแบบ แต่แบบที่พบได้บ่อยที่สุดมี 2 ชนิด คือ เคเบิ้ลไทร์แบบทั่วไป และ เคเบิ้ลไทร์แบบปลดล็อคได้

แม้จะมีหน้าตาคล้ายกัน แต่เคเบิ้ลไทร์ทั้งสองแบบนี้มีการใช้งานและคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ซึ่งถ้าเลือกให้เหมาะกับงาน จะช่วยให้ทำงานได้สะดวกขึ้น ปลอดภัยขึ้น และประหยัดมากขึ้น

เคเบิ้ลไทร์แบบทั่วไป คืออะไร

เคเบิ้ลไทร์แบบทั่วไป หรือที่เรียกว่าแบบใช้ครั้งเดียว มีลักษณะเป็นสายพลาสติกยาว หัวด้านหนึ่งมีช่องสำหรับล็อค เมื่อสอดปลายอีกด้านเข้าช่องแล้วดึงให้แน่น จะมีเฟืองล็อกไม่ให้ย้อนกลับ ทำให้เคเบิ้ลไทร์รัดแน่นและแกะออกไม่ได้

หากต้องการถอดออก ต้องใช้กรรไกรหรือคีมตัดเท่านั้น หลังจากตัดแล้วจะใช้งานซ้ำไม่ได้

ข้อดีของเคเบิ้ลไทร์แบบทั่วไป

  • ใช้งานง่าย รัดแล้วล็อกแน่นทันที
  • ราคาถูก หาซื้อได้ทั่วไป
  • มีหลายขนาดให้เลือก
  • ทนแรงดึงได้สูง ไม่หลุดง่าย

ข้อจำกัดของแบบทั่วไป

  • ถอดออกไม่ได้ ต้องตัดทิ้ง
  • ใช้แล้วทิ้ง ทำให้เกิดขยะพลาสติก
  • ถ้ารัดแน่นผิดจุด ต้องตัดและใช้ใหม่

เคเบิ้ลไทร์แบบปลดล็อคได้ คืออะไร

เคเบิ้ลไทร์แบบปลดล็อคได้ เป็นรุ่นพิเศษที่สามารถเปิดล็อกได้ โดยที่ไม่ต้องตัดทิ้ง ลักษณะคล้ายเคเบิ้ลไทร์ทั่วไป แต่มีปุ่มหรือแถบบริเวณหัวล็อก เมื่อกดลงตรงจุดนี้ จะทำให้เฟืองคลายตัวและดึงสายกลับออกมาได้

เมื่อนำมาใช้ใหม่ก็สามารถสอดปลายสายเข้าไปแล้วรัดได้เหมือนเดิม ใช้งานได้หลายครั้ง

ข้อดีของเคเบิ้ลไทร์แบบปลดล็อคได้

  • ถอดและใช้งานซ้ำได้หลายครั้ง
  • ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
  • เหมาะกับงานที่ต้องถอดเข้า-ออกบ่อย
  • ลดขยะจากพลาสติกแบบใช้แล้วทิ้ง

ข้อจำกัดของแบบปลดล็อคได้

  • ราคาสูงกว่าแบบทั่วไป
  • ทนแรงดึงได้น้อยกว่าแบบทั่วไป
  • มีขนาดให้เลือกน้อยกว่าบางรุ่น
  • การปลดล็อกอาจต้องใช้เล็บหรือเครื่องมือเล็ก ๆ ในบางรุ่น

ความแตกต่างแบบชัดเจนระหว่างเคเบิ้ลไทร์ทั่วไป และเคเบิ้ลไทร์แบบปลดล็อคได้

  1. การใช้งาน

เคเบิ้ลไทร์แบบทั่วไปเป็นแบบใช้ครั้งเดียว เมื่อรัดแล้วไม่สามารถถอดกลับได้ ต้องตัดทิ้งเท่านั้น ส่วนเคเบิ้ลไทร์แบบปลดล็อคได้สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้หลายครั้ง เพราะมีระบบปลดล็อคให้ดึงกลับได้สะดวก

  1. การถอดออก

เคเบิ้ลไทร์ทั่วไปไม่สามารถถอดออกได้ หากต้องการถอด ต้องใช้กรรไกรหรือคีมตัดให้ขาด ต่างจากแบบปลดล็อคได้ที่มีปุ่มพิเศษหรือกลไกเล็ก ๆ ช่วยให้ปลดออกได้โดยไม่ต้องตัด

  1. ความแน่นหนาในการรัด

แบบทั่วไปมีความแน่นหนาสูง รัดแล้วอยู่ตัวแน่น ทนแรงดึงได้ดี เหมาะกับงานหนัก ส่วนแบบปลดล็อคได้จะมีความแน่นระดับกลาง ใช้กับงานเบา หรืองานที่ไม่ต้องรับแรงมาก

  1. ราคา

เคเบิ้ลไทร์แบบทั่วไปมีราคาถูกกว่า เหมาะกับการใช้งานจำนวนมากในครั้งเดียว ส่วนแบบปลดล็อคได้มีราคาสูงกว่าเล็กน้อย แต่คุ้มค่าหากต้องใช้งานซ้ำหลายครั้ง

  1. ความสะดวกในการแก้ไขหรือเปลี่ยนตำแหน่ง

หากใช้แบบทั่วไป แล้วรัดผิดตำแหน่ง ต้องตัดออกและเปลี่ยนเส้นใหม่ ทำให้เปลืองวัสดุ แต่แบบปลดล็อคได้สามารถปลดล็อค แล้วปรับตำแหน่งได้ทันทีโดยไม่ต้องตัดหรือเปลี่ยนเส้น

  1. ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

เคเบิ้ลไทร์แบบทั่วไปเมื่อใช้แล้วต้องทิ้ง ทำให้เกิดขยะพลาสติกเพิ่มขึ้น แต่แบบปลดล็อคได้สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำ ลดปริมาณขยะ ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ดีกว่า

ปัจจัยในการพิจารณาเลือกใช้กับงาน

เพื่อเลือกให้เหมาะสม ควรพิจารณาหลายด้าน ดังนี้

  1. ลักษณะของงาน

หากเป็นงานติดตั้งถาวร เช่น เดินสายไฟรอบอาคาร งานโครงสร้าง งานโยธา ควรใช้แบบทั่วไป เพราะต้องการความแน่นและไม่ต้องถอดบ่อย แต่หากเป็นงานชั่วคราว เช่น งานจัดอีเวนต์ งานซ่อมบำรุง หรืองานทดสอบระบบ ควรใช้แบบปลดล็อคได้ เพื่อให้ถอดเปลี่ยนง่าย

  1. ความถี่ในการใช้งาน

ถ้างานนั้นต้องถอดเข้า-ออกหลายครั้ง เช่น จัดสายคอมพิวเตอร์ในสำนักงาน หรือสายไฟในตู้ควบคุม ควรใช้แบบปลดล็อคได้ เพราะสะดวกกว่าและประหยัดกว่าในระยะยาว แต่ถ้าใช้เพียงครั้งเดียวแล้วไม่ต้องถอดอีก เช่น มัดถุงของ หรือรัดของส่งพัสดุ ใช้แบบทั่วไปจะเพียงพอ

  1. ความแข็งแรงที่ต้องการ

แบบทั่วไปเหมาะกับงานที่ต้องการรัดแน่น เช่น รัดสายไฟใหญ่ ยึดสิ่งของที่มีน้ำหนัก ส่วนแบบปลดล็อคได้เหมาะกับงานเบา ๆ เช่น รัดของใช้เล็ก ๆ รัดสายชาร์จ หรือจัดระเบียบของที่บ้าน

  1. งบประมาณ

ถ้ามีงบจำกัดและไม่จำเป็นต้องถอดเข้าออกบ่อย การใช้แบบทั่วไปจะประหยัดกว่า แต่ถ้ามีงบประมาณและต้องใช้งานซ้ำ แบบปลดล็อคได้จะคุ้มกว่าในระยะยาว

  1. ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

แบบทั่วไปเมื่อใช้แล้วต้องตัดทิ้ง ทำให้เกิดขยะพลาสติกจำนวนมาก ถ้าใส่ใจสิ่งแวดล้อม ควรเลือกใช้แบบปลดล็อคได้เพื่อลดขยะ และนำกลับมาใช้ใหม่ได้

ตัวอย่างการใช้งานที่เหมาะสม

แบบทั่วไป

  • ติดตั้งสายไฟฟ้าภายในอาคาร
  • มัดของบนรถบรรทุก
  • ยึดโครงเหล็กเบา ๆ
  • มัดกล่องหรือพัสดุเพื่อจัดส่ง

แบบปลดล็อคได้

  • จัดระเบียบสายชาร์จ
  • มัดของชั่วคราวในงานอีเวนต์
  • รัดสายคอมพิวเตอร์ในสำนักงาน
  • ใช้ในงาน DIY หรือซ่อมอุปกรณ์เล็ก ๆ

ความแข็งแรงที่ต้องการก่อนเลือกใช้งานในแต่ละครั้ง

การเลือกใช้เคเบิ้ลไทร์ต้องพิจารณาว่าสิ่งของที่ต้องการรัดนั้นมีน้ำหนักหรือแรงดึงมากน้อยแค่ไหน เพราะแต่ละรุ่นมีความสามารถในการรับน้ำหนักไม่เท่ากัน

  • ถ้าต้องรัดของหนัก เช่น มัดท่อ รัดสายไฟขนาดใหญ่ หรืองานกลางแจ้งที่ต้องทนลมแรง ควรเลือก เคเบิ้ลไทร์แบบทั่วไป ซึ่งมีระบบล็อกที่แน่นและทนแรงดึงได้ดี
  • ถ้าใช้งานกับของเบา ๆ เช่น รัดสายชาร์จ จัดระเบียบอุปกรณ์ในบ้าน หรือสิ่งของชั่วคราว ควรใช้ เคเบิ้ลไทร์แบบปลดล็อคได้ ซึ่งใช้งานง่ายและสะดวกในการปรับเปลี่ยน

ถ้าเลือกใช้รุ่นที่รับน้ำหนักไม่พอ อาจทำให้สายรัดขาด หลุด หรือของที่รัดไว้ตกลงมาเกิดความเสียหายหรืออันตรายได้ การเลือกให้เหมาะกับระดับความแข็งแรงจึงเป็นเรื่องสำคัญ

การเลือกใช้เคเบิ้ลไทร์ให้เหมาะกับงาน ไม่เพียงช่วยให้ทำงานสะดวกและปลอดภัยเท่านั้น แต่ยังช่วยลดของเสีย ประหยัดค่าใช้จ่าย และยืดอายุการใช้งานของวัสดุต่าง ๆ ได้อีกด้วย ควรพิจารณาจากลักษณะงาน ความถี่ในการใช้งาน และความแข็งแรงที่ต้องการก่อนเลือกใช้งานในแต่ละครั้ง

Facebook
Twitter
Email
Picture of PKT Pocket

PKT Pocket

บริษัท พีเคที พ็อกเก็ต จำกัด

บทความที่น่าสนใจ

PKT LINE QR Code
(มี @ นำหน้าด้วยนะคะ)