หินเจียร เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในงานขัด ลบคม ลบสนิม หรือตกแต่งผิววัสดุต่าง ๆ เช่น เหล็ก ไม้ พลาสติก หรือหิน หินเจียรทำหน้าที่คล้ายกระดาษทราย แต่มีความแข็งแรงและทนทานกว่า สามารถใช้ร่วมกับเครื่องเจียรไฟฟ้า เครื่องเจียรมือ หรือเครื่องเจียรตั้งโต๊ะ เพื่อช่วยให้งานเสร็จเร็วขึ้นและสวยงามมากขึ้น
การเลือกหินเจียรให้เหมาะสมกับงาน เป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้าเลือกผิดชนิด อาจทำให้งานเสีย พื้นผิวเป็นรอย หรือหินเจียรแตกหักเสียหายเร็ว การรู้จักชนิดของหินเจียรแต่ละแบบ จะช่วยให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ประหยัดเวลา ประหยัดค่าใช้จ่าย และปลอดภัยมากกว่าเดิม
ชนิดของหินเจียรที่นิยมใช้
หินเจียรมีหลายชนิด แบ่งตามรูปร่าง สี และวัสดุที่ใช้ผลิต เช่น
- หินเจียรทรงแบน (แผ่นเจียร) : ใช้ขัดพื้นผิวเรียบ หรือลบคมชิ้นงาน เช่น ขอบเหล็กหลังตัด หรือพื้นผิวเหล็กที่มีคราบสนิม
- หินเจียรทรงถ้วย : ใช้ขัดผิวงานในพื้นที่กว้าง หรืองานตกแต่งผิวให้เรียบ เช่น งานขัดแม่พิมพ์ หรือขัดหินแกรนิต
- หินเจียรทรงกระบอก (ทรงตรง) : ใช้ในเครื่องเจียรตั้งโต๊ะ เหมาะกับงานลับมีด เครื่องมือช่าง หรือชิ้นงานขนาดเล็กที่ต้องการความแม่นยำ
- หินเจียรทรงเหรียญหรือทรงบาง (แผ่นตัด) : ใช้สำหรับตัดวัสดุ เช่น ตัดเหล็ก ตัดท่อ หรือแผ่นโลหะบาง ๆ
- หินเจียรแกน 3 มม. หรือ 6 มม. : ใช้กับเครื่องเจียรมือขนาดเล็ก หรือเครื่องมินิโปรเจกต์ สำหรับขัดซอก มุม หรือรอยเล็ก ๆ
- หินเจียรทรงกระสุน : มีปลายแหลมคล้ายหัวกระสุน ใช้เจียรหรือลบมุมในจุดที่เข้าถึงยาก เช่น ร่องลึก รูแคบ หรือขอบมุมในชิ้นงานเล็ก งานละเอียด และงานประณีตที่ต้องการความแม่นยำสูง
แต่ละรูปทรงเหมาะกับลักษณะงานต่างกัน การเลือกใช้จึงควรพิจารณาจากขนาดของชิ้นงาน พื้นที่ในการขัด และความแม่นยำที่ต้องการ
วัสดุของหินเจียร และการเลือกใช้ให้ตรงกับประเภทวัสดุ
นอกจากรูปทรงแล้ว หินเจียรยังมีวัสดุที่ใช้ผลิตหลายชนิด ซึ่งมีผลต่อความแข็งแรง และการขัดชิ้นงาน เช่น
- อลูมินัมออกไซด์ (สีเทา สีชมพู) : เหมาะกับการขัดเหล็กทั่วไป เหล็กเหนียว และเหล็กกล้า เป็นหินที่ใช้งานง่าย ราคาประหยัด
- ซิลิคอนคาร์ไบด์ (สีเขียว สีดำ) : ใช้กับวัสดุแข็ง เช่น คาร์ไบด์ กระจก หิน เซรามิก หรือโลหะผสมแข็ง
- เซรามิกอลูมินา : แข็งแรงและทนความร้อนได้สูง เหมาะกับการเจียรที่ต้องใช้แรงมาก หรือใช้เวลานาน
- เพชร (Diamond Wheel) : ใช้กับวัสดุแข็งพิเศษ เช่น กระจก หินแกรนิต ซีเมนต์ หรือคาร์ไบด์ที่หินทั่วไปขัดไม่เข้า
การเลือกวัสดุหินให้เหมาะกับชิ้นงานจะช่วยให้ขัดได้เร็ว ไม่กินแรง และไม่ทำให้ชิ้นงานเสียหาย
เบอร์หินเจียร (ความละเอียด)
หินเจียรมีตัวเลขกำกับเรียกว่า “เบอร์หิน” หรือ “Grit” บอกถึงความละเอียดของผิวขัด
- เบอร์ต่ำ (เช่น 16, 24, 36) คือ หยาบ เหมาะกับการลอกคราบหนา ๆ หรือขัดหยาบเพื่อเตรียมผิว
- เบอร์กลาง (เช่น 60, 80) ใช้ขัดทั่วไป หรือตกแต่งผิวเล็กน้อย
- เบอร์สูง (เช่น 120 ขึ้นไป) คือ ละเอียด ใช้ขัดเก็บงานหรือทำให้ผิวเรียบ
การเริ่มต้นควรใช้เบอร์หยาบก่อน แล้วจึงใช้เบอร์ละเอียดขัดซ้ำเพื่อให้ได้ผิวที่เรียบเนียน
ขนาดของหินเจียร และความเร็วรอบที่เหมาะสม
หินเจียรมีหลายขนาด เช่น 2 นิ้ว 4 นิ้ว 5 นิ้ว ไปจนถึง 7 นิ้วหรือมากกว่านั้น ขนาดที่เห็นนี้หมายถึงเส้นผ่านศูนย์กลางของแผ่นหินเจียร ถ้าเลือกขนาดที่ไม่เหมาะสมกับเครื่อง อาจเกิดอันตรายได้ ตัวอย่างเช่น เครื่องเจียรที่ออกแบบมาสำหรับหินขนาด 4 นิ้ว ต้องใช้หินเจียร 4 นิ้วเท่านั้น ถ้าใช้หินที่ใหญ่กว่านี้ เช่น 5 นิ้วหรือ 7 นิ้ว จะทำให้หินหมุนผิดจังหวะ หรือชนกับฝาครอบเครื่อง อาจเกิดแรงสะบัด เครื่องสั่น หรือหินแตกได้ทันที
การใช้หินเล็กกว่าที่เครื่องกำหนดไม่ทำให้เกิดอันตรายร้ายแรง แต่จะทำให้เจียรได้น้อย ต้องใช้เวลามากกว่า และเปลืองแรงในการกดมากขึ้น
นอกจากขนาดแล้ว ยังต้องดูที่ “ความเร็วรอบ” หรือที่เรียกว่า RPM (รอบต่อนาที) หินเจียรแต่ละชิ้นจะมีตัวเลขระบุไว้ เช่น “Max 13,300 RPM” หมายความว่า หินเจียรนี้รองรับความเร็วสูงสุดที่ 13,300 รอบต่อนาที ถ้าใช้เครื่องเจียรที่มีรอบหมุนเกินจากนี้ เช่น 15,000 รอบต่อนาที จะทำให้หินเจียรร้อน แตก หรือกระเด็นออกทันที
การเลือกหินเจียรจึงต้องดูให้ครบ 2 อย่าง คือ
- ขนาดหิน ต้องพอดีกับเครื่อง
- ความเร็วรอบ ต้องไม่ต่ำหรือสูงเกินไปกว่าที่หินรองรับได้
ควรอ่านฉลากที่ติดมากับหินเจียรทุกครั้ง และตรวจสอบฉลากบนเครื่องเจียร เพื่อให้ทั้งสองส่วนทำงานเข้ากันได้พอดี และปลอดภัยตลอดการใช้งาน
วิธีใช้งานหินเจียรให้ปลอดภัยและได้ผลดี
- ตรวจสอบหินเจียรทุกครั้งก่อนใช้งาน ว่ามีรอยร้าว แตก หรือบิ่นหรือไม่
- ติดตั้งหินเจียรให้แน่นและตรงกับแกนของเครื่อง
- สวมอุปกรณ์ป้องกัน เช่น แว่นตา ถุงมือ หน้ากากกันฝุ่น และหูฟังลดเสียง
- เปิดเครื่องให้หมุนก่อนโดยไม่โดนชิ้นงาน เพื่อดูว่ามีการสั่นผิดปกติหรือไม่
- ขัดด้วยแรงกดพอดี อย่ากดแรงเกินไป เพราะอาจทำให้หินร้อนแตก หรือชิ้นงานเสีย
- ขยับหินไปเรื่อย ๆ ไม่อยู่จุดเดิมนาน เพื่อให้ผิวเรียบและไม่ไหม้
- หยุดพักเป็นระยะ เพื่อให้เครื่องเย็นลงและยืดอายุของหินเจียร
- หลังใช้งานควรทำความสะอาด และเก็บไว้ในที่แห้ง
งานที่ใช้หินเจียรเป็นหลัก
- งานก่อสร้าง เช่น ขัดขอบหิน ขัดซีเมนต์ หรือตัดเหล็ก
- งานโลหะ เช่น ลบคมเหล็ก ลบรอยเชื่อม หรือเตรียมพื้นผิวก่อนทาสี
- งานซ่อมรถยนต์ เช่น ขัดสนิมที่ตัวถัง หรือตัดท่อไอเสีย
- งานเครื่องจักร เช่น ลับใบมีด หรือลบครีบจากชิ้นงาน
- งานศิลปะหรืองานประดิษฐ์ เช่น ตกแต่งผิวชิ้นงานโลหะให้เงางาม
การเลือกใช้หินเจียรที่เหมาะสมกับงานแต่ละประเภท จะช่วยให้งานเสร็จเร็วและออกมาดี
ข้อควรระวังในการเลือกซื้อและใช้งาน
- ไม่ใช้หินเจียรที่หมดอายุ เพราะวัสดุอาจเปราะและแตกง่าย
- เลือกซื้อหินเจียรจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ หรือตราที่ได้รับมาตรฐาน
- ไม่ดัดแปลงหินเจียร เช่น ตัดหินให้เล็กลง หรือใช้กับเครื่องที่ไม่เหมาะสม
- ไม่ใช้หินเจียรผิดประเภท เช่น ใช้แผ่นตัดแทนแผ่นเจียร อาจทำให้แผ่นแตก
- เก็บหินเจียรในแนวนอนบนพื้นเรียบ ไม่วางซ้อนทับกันสูงเกินไป
การใช้งานหินเจียรอย่างรู้วิธี จะช่วยให้ปลอดภัยและได้ผลงานที่ดี พร้อมทั้งยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์
หินเจียรเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยให้งานเจียรและขัดผิวสำเร็จได้เร็วและเรียบร้อย การเลือกใช้หินเจียรให้เหมาะกับชนิดวัสดุ รูปร่างงาน และเครื่องมือ จะช่วยให้งานมีคุณภาพและปลอดภัย ไม่ควรละเลยเรื่องความเร็วรอบ ความละเอียด และสภาพของหินเจียร รวมถึงการดูแลรักษาให้ใช้งานได้นานและคุ้มค่าในระยะยาว