เลือกใช้หินเจียรอย่างไร ให้เหมาะสมกับประเภทของงานเจียร ให้ได้ผลลัพธ์ที่มีคุณภาพ และคุ้มค่าต่อการใช้งาน

Facebook
Twitter
Email

หินเจียร เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในงานขัด ลบคม ลบสนิม หรือตกแต่งผิววัสดุต่าง ๆ เช่น เหล็ก ไม้ พลาสติก หรือหิน หินเจียรทำหน้าที่คล้ายกระดาษทราย แต่มีความแข็งแรงและทนทานกว่า สามารถใช้ร่วมกับเครื่องเจียรไฟฟ้า เครื่องเจียรมือ หรือเครื่องเจียรตั้งโต๊ะ เพื่อช่วยให้งานเสร็จเร็วขึ้นและสวยงามมากขึ้น

การเลือกหินเจียรให้เหมาะสมกับงาน เป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้าเลือกผิดชนิด อาจทำให้งานเสีย พื้นผิวเป็นรอย หรือหินเจียรแตกหักเสียหายเร็ว การรู้จักชนิดของหินเจียรแต่ละแบบ จะช่วยให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ประหยัดเวลา ประหยัดค่าใช้จ่าย และปลอดภัยมากกว่าเดิม

ชนิดของหินเจียรที่นิยมใช้

หินเจียรมีหลายชนิด แบ่งตามรูปร่าง สี และวัสดุที่ใช้ผลิต เช่น

  1. หินเจียรทรงแบน (แผ่นเจียร) : ใช้ขัดพื้นผิวเรียบ หรือลบคมชิ้นงาน เช่น ขอบเหล็กหลังตัด หรือพื้นผิวเหล็กที่มีคราบสนิม
  2. หินเจียรทรงถ้วย : ใช้ขัดผิวงานในพื้นที่กว้าง หรืองานตกแต่งผิวให้เรียบ เช่น งานขัดแม่พิมพ์ หรือขัดหินแกรนิต
  3. หินเจียรทรงกระบอก (ทรงตรง) : ใช้ในเครื่องเจียรตั้งโต๊ะ เหมาะกับงานลับมีด เครื่องมือช่าง หรือชิ้นงานขนาดเล็กที่ต้องการความแม่นยำ
  4. หินเจียรทรงเหรียญหรือทรงบาง (แผ่นตัด) : ใช้สำหรับตัดวัสดุ เช่น ตัดเหล็ก ตัดท่อ หรือแผ่นโลหะบาง ๆ
  5. หินเจียรแกน 3 มม. หรือ 6 มม. : ใช้กับเครื่องเจียรมือขนาดเล็ก หรือเครื่องมินิโปรเจกต์ สำหรับขัดซอก มุม หรือรอยเล็ก ๆ
  6. หินเจียรทรงกระสุน : มีปลายแหลมคล้ายหัวกระสุน ใช้เจียรหรือลบมุมในจุดที่เข้าถึงยาก เช่น ร่องลึก รูแคบ หรือขอบมุมในชิ้นงานเล็ก งานละเอียด และงานประณีตที่ต้องการความแม่นยำสูง

แต่ละรูปทรงเหมาะกับลักษณะงานต่างกัน การเลือกใช้จึงควรพิจารณาจากขนาดของชิ้นงาน พื้นที่ในการขัด และความแม่นยำที่ต้องการ

วัสดุของหินเจียร และการเลือกใช้ให้ตรงกับประเภทวัสดุ

นอกจากรูปทรงแล้ว หินเจียรยังมีวัสดุที่ใช้ผลิตหลายชนิด ซึ่งมีผลต่อความแข็งแรง และการขัดชิ้นงาน เช่น

  1. อลูมินัมออกไซด์ (สีเทา สีชมพู) : เหมาะกับการขัดเหล็กทั่วไป เหล็กเหนียว และเหล็กกล้า เป็นหินที่ใช้งานง่าย ราคาประหยัด
  2. ซิลิคอนคาร์ไบด์ (สีเขียว สีดำ) : ใช้กับวัสดุแข็ง เช่น คาร์ไบด์ กระจก หิน เซรามิก หรือโลหะผสมแข็ง
  3. เซรามิกอลูมินา : แข็งแรงและทนความร้อนได้สูง เหมาะกับการเจียรที่ต้องใช้แรงมาก หรือใช้เวลานาน
  4. เพชร (Diamond Wheel) : ใช้กับวัสดุแข็งพิเศษ เช่น กระจก หินแกรนิต ซีเมนต์ หรือคาร์ไบด์ที่หินทั่วไปขัดไม่เข้า

การเลือกวัสดุหินให้เหมาะกับชิ้นงานจะช่วยให้ขัดได้เร็ว ไม่กินแรง และไม่ทำให้ชิ้นงานเสียหาย

เบอร์หินเจียร (ความละเอียด)

หินเจียรมีตัวเลขกำกับเรียกว่า “เบอร์หิน” หรือ “Grit” บอกถึงความละเอียดของผิวขัด

  • เบอร์ต่ำ (เช่น 16, 24, 36) คือ หยาบ เหมาะกับการลอกคราบหนา ๆ หรือขัดหยาบเพื่อเตรียมผิว
  • เบอร์กลาง (เช่น 60, 80) ใช้ขัดทั่วไป หรือตกแต่งผิวเล็กน้อย
  • เบอร์สูง (เช่น 120 ขึ้นไป) คือ ละเอียด ใช้ขัดเก็บงานหรือทำให้ผิวเรียบ

การเริ่มต้นควรใช้เบอร์หยาบก่อน แล้วจึงใช้เบอร์ละเอียดขัดซ้ำเพื่อให้ได้ผิวที่เรียบเนียน

ขนาดของหินเจียร และความเร็วรอบที่เหมาะสม

หินเจียรมีหลายขนาด เช่น 2 นิ้ว 4 นิ้ว 5 นิ้ว ไปจนถึง 7 นิ้วหรือมากกว่านั้น ขนาดที่เห็นนี้หมายถึงเส้นผ่านศูนย์กลางของแผ่นหินเจียร ถ้าเลือกขนาดที่ไม่เหมาะสมกับเครื่อง อาจเกิดอันตรายได้ ตัวอย่างเช่น เครื่องเจียรที่ออกแบบมาสำหรับหินขนาด 4 นิ้ว ต้องใช้หินเจียร 4 นิ้วเท่านั้น ถ้าใช้หินที่ใหญ่กว่านี้ เช่น 5 นิ้วหรือ 7 นิ้ว จะทำให้หินหมุนผิดจังหวะ หรือชนกับฝาครอบเครื่อง อาจเกิดแรงสะบัด เครื่องสั่น หรือหินแตกได้ทันที

การใช้หินเล็กกว่าที่เครื่องกำหนดไม่ทำให้เกิดอันตรายร้ายแรง แต่จะทำให้เจียรได้น้อย ต้องใช้เวลามากกว่า และเปลืองแรงในการกดมากขึ้น

นอกจากขนาดแล้ว ยังต้องดูที่ ความเร็วรอบ” หรือที่เรียกว่า RPM (รอบต่อนาที) หินเจียรแต่ละชิ้นจะมีตัวเลขระบุไว้ เช่น “Max 13,300 RPM” หมายความว่า หินเจียรนี้รองรับความเร็วสูงสุดที่ 13,300 รอบต่อนาที ถ้าใช้เครื่องเจียรที่มีรอบหมุนเกินจากนี้ เช่น 15,000 รอบต่อนาที จะทำให้หินเจียรร้อน แตก หรือกระเด็นออกทันที

การเลือกหินเจียรจึงต้องดูให้ครบ 2 อย่าง คือ

  • ขนาดหิน ต้องพอดีกับเครื่อง
  • ความเร็วรอบ ต้องไม่ต่ำหรือสูงเกินไปกว่าที่หินรองรับได้

ควรอ่านฉลากที่ติดมากับหินเจียรทุกครั้ง และตรวจสอบฉลากบนเครื่องเจียร เพื่อให้ทั้งสองส่วนทำงานเข้ากันได้พอดี และปลอดภัยตลอดการใช้งาน

วิธีใช้งานหินเจียรให้ปลอดภัยและได้ผลดี

  1. ตรวจสอบหินเจียรทุกครั้งก่อนใช้งาน ว่ามีรอยร้าว แตก หรือบิ่นหรือไม่
  2. ติดตั้งหินเจียรให้แน่นและตรงกับแกนของเครื่อง
  3. สวมอุปกรณ์ป้องกัน เช่น แว่นตา ถุงมือ หน้ากากกันฝุ่น และหูฟังลดเสียง
  4. เปิดเครื่องให้หมุนก่อนโดยไม่โดนชิ้นงาน เพื่อดูว่ามีการสั่นผิดปกติหรือไม่
  5. ขัดด้วยแรงกดพอดี อย่ากดแรงเกินไป เพราะอาจทำให้หินร้อนแตก หรือชิ้นงานเสีย
  6. ขยับหินไปเรื่อย ๆ ไม่อยู่จุดเดิมนาน เพื่อให้ผิวเรียบและไม่ไหม้
  7. หยุดพักเป็นระยะ เพื่อให้เครื่องเย็นลงและยืดอายุของหินเจียร
  8. หลังใช้งานควรทำความสะอาด และเก็บไว้ในที่แห้ง

งานที่ใช้หินเจียรเป็นหลัก

  • งานก่อสร้าง เช่น ขัดขอบหิน ขัดซีเมนต์ หรือตัดเหล็ก
  • งานโลหะ เช่น ลบคมเหล็ก ลบรอยเชื่อม หรือเตรียมพื้นผิวก่อนทาสี
  • งานซ่อมรถยนต์ เช่น ขัดสนิมที่ตัวถัง หรือตัดท่อไอเสีย
  • งานเครื่องจักร เช่น ลับใบมีด หรือลบครีบจากชิ้นงาน
  • งานศิลปะหรืองานประดิษฐ์ เช่น ตกแต่งผิวชิ้นงานโลหะให้เงางาม

การเลือกใช้หินเจียรที่เหมาะสมกับงานแต่ละประเภท จะช่วยให้งานเสร็จเร็วและออกมาดี

ข้อควรระวังในการเลือกซื้อและใช้งาน

  • ไม่ใช้หินเจียรที่หมดอายุ เพราะวัสดุอาจเปราะและแตกง่าย
  • เลือกซื้อหินเจียรจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ หรือตราที่ได้รับมาตรฐาน
  • ไม่ดัดแปลงหินเจียร เช่น ตัดหินให้เล็กลง หรือใช้กับเครื่องที่ไม่เหมาะสม
  • ไม่ใช้หินเจียรผิดประเภท เช่น ใช้แผ่นตัดแทนแผ่นเจียร อาจทำให้แผ่นแตก
  • เก็บหินเจียรในแนวนอนบนพื้นเรียบ ไม่วางซ้อนทับกันสูงเกินไป

การใช้งานหินเจียรอย่างรู้วิธี จะช่วยให้ปลอดภัยและได้ผลงานที่ดี พร้อมทั้งยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์

หินเจียรเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยให้งานเจียรและขัดผิวสำเร็จได้เร็วและเรียบร้อย การเลือกใช้หินเจียรให้เหมาะกับชนิดวัสดุ รูปร่างงาน และเครื่องมือ จะช่วยให้งานมีคุณภาพและปลอดภัย ไม่ควรละเลยเรื่องความเร็วรอบ ความละเอียด และสภาพของหินเจียร รวมถึงการดูแลรักษาให้ใช้งานได้นานและคุ้มค่าในระยะยาว

Facebook
Twitter
Email
Picture of PKT Pocket

PKT Pocket

บริษัท พีเคที พ็อกเก็ต จำกัด

บทความที่น่าสนใจ

PKT LINE QR Code
(มี @ นำหน้าด้วยนะคะ)