วิธีการเลือกแปรงทาสีขนสัตว์กึ่งสังเคราะห์ ให้เหมาะกับประเภทสี และพื้นผิวในการทาอย่างไรให้ถูกต้อง

Facebook
Twitter
Email

งานทาสีเป็นงานที่พบได้บ่อย ทั้งการทาบ้าน ทาไม้ ทาเหล็ก หรือแม้แต่งานศิลปะ แปรงทาสีจึงเป็นอุปกรณ์สำคัญมากที่ช่วยให้งานออกมาสวยและเรียบร้อย แปรงทาสีมีหลายแบบ ทั้งแปรงขนสัตว์แท้ แปรงขนสังเคราะห์ และแปรงขนสัตว์กึ่งสังเคราะห์ ซึ่งแปรงขนสัตว์กึ่งสังเคราะห์ถือว่าได้รับความนิยมมาก เพราะมีข้อดีทั้งความนุ่ม ความยืดหยุ่น และความทนทานที่ขนสังเคราะห์เพียงอย่างเดียวอาจให้ไม่ได้

หลายคนอาจไม่เข้าใจว่า แปรงทาสีขนสัตว์กึ่งสังเคราะห์ คือการนำขนสัตว์แท้ เช่น ขนหมู ขนแพะ หรือขนกระรอก มาผสมกับใยสังเคราะห์ เช่น ไนลอน หรือโพลีเอสเตอร์ เพื่อให้ได้แปรงที่มีคุณสมบัติพิเศษ เช่น เด้งตัวได้ดีขึ้น ทำความสะอาดง่ายขึ้น หรืออุ้มสีได้พอดี การเลือกให้เหมาะสมกับประเภทสีและพื้นผิวจึงสำคัญมาก เพื่อไม่ให้เสียสีและเสียเวลาในการทำงาน

แปรงขนสัตว์กึ่งสังเคราะห์มีข้อดีอย่างไร

แปรงขนสัตว์กึ่งสังเคราะห์มีข้อดีหลายอย่างที่ควรรู้ เพื่อให้เลือกใช้ได้ถูกต้อง

  • ขนแปรงอุ้มสีได้ดี ขนสัตว์ช่วยดูดซับสีได้มากกว่าใยสังเคราะห์เพียงอย่างเดียว ทำให้ปาดสีได้ยาวขึ้น
  • ขนแปรงคืนรูปได้ดี ใยสังเคราะห์จะช่วยให้ขนแปรงเด้งกลับ ไม่เสียทรงง่าย เมื่อใช้ไปนาน ๆ
  • เหมาะกับงานหลากหลาย ใช้ได้กับสีน้ำมัน สีน้ำ สีอะคริลิก และสีทาผนังทั่วไป
  • ทำความสะอาดง่าย ใยสังเคราะห์จะไม่เก็บคราบสีฝังลึก ทำให้ล้างออกได้ง่ายกว่าขนสัตว์ล้วน
  • คุ้มราคา ราคาถูกกว่าขนสัตว์ล้วนแต่คุณภาพยังดี ใครเริ่มฝึกทาสีหรืองานศิลปะมักเลือกใช้

ประเภทสีแต่ละชนิดควรใช้แปรงแบบไหน

การเลือกแปรงให้ตรงกับประเภทสีสำคัญมาก เพราะสีแต่ละชนิดมีเนื้อสี ความข้น ความเหลวไม่เหมือนกัน ถ้าเลือกไม่ตรงกันอาจทำให้งานเสียได้ง่าย

  • สีน้ำมัน สีน้ำมันจะมีเนื้อสีค่อนข้างข้น เหนียว และแห้งช้า เหมาะกับแปรงขนหมูกึ่งสังเคราะห์ที่มีความแข็งและยืดหยุ่น ปลายขนแตกเป็นธรรมชาติช่วยอุ้มสีและปาดสีให้เรียบได้ดี ใยสังเคราะห์ช่วยให้ขนแปรงไม่เปราะง่ายเมื่อโดนทินเนอร์หรือน้ำมันสน
  • สีน้ำ สีน้ำจะมีเนื้อสีเหลว บาง ไม่ข้นมาก ควรใช้แปรงขนแพะกึ่งสังเคราะห์หรือขนกระรอกกึ่งสังเคราะห์เพราะขนนุ่ม อุ้มน้ำได้ดี และระบายสีได้เนียน ยิ่งใส่ใยสังเคราะห์จะช่วยให้แปรงคงรูป ไม่บานง่าย
  • สีอะคริลิก สีอะคริลิกมีเนื้อสีปานกลาง ไม่เหลวเกินไปหรือข้นเกินไป ใช้แปรงขนหมูหรือขนม้ากึ่งสังเคราะห์ได้ดี เพราะเด้งตัวและเกลี่ยสีได้เรียบ บางครั้งใช้ขนแพะกึ่งสังเคราะห์ก็ได้ ถ้าเป็นงานเก็บพื้นกว้างและต้องการเนื้อสีที่เนียน
  • สีรองพื้นหรือสีทาผนัง สีประเภทนี้มักทาบนผนังคอนกรีต ปูน ไม้ หรือเหล็ก ใช้แปรงขนหมูกึ่งสังเคราะห์หัวใหญ่จะช่วยให้ทาได้ไว อุ้มสีได้มาก ลดเวลาทำงาน

เลือกแปรงให้เหมาะกับพื้นผิว

พื้นผิวที่ต้องทาสีก็สำคัญ เพราะพื้นผิวมีทั้งผิวเรียบ ผิวขรุขระ หรือผิวที่มีลายเสี้ยนไม้

  • พื้นผิวเรียบ พื้นผิวเรียบ เช่น ผนังฉาบเรียบ ไม้ขัดเรียบ หรือแผ่นยิปซัม ควรใช้แปรงขนนุ่มหรือขนละเอียด เพราะจะช่วยให้สีเรียบเนียน ไม่เป็นรอยเส้นขนแปรงมากเกินไป ขนสัตว์กึ่งสังเคราะห์ที่มีใยนุ่มผสมจะเหมาะที่สุด
  • พื้นผิวขรุขระ พื้นผิวขรุขระ เช่น ผนังฉาบหยาบ ไม้เนื้อหยาบ หรือเหล็กที่มีสนิม ควรใช้แปรงขนหมูกึ่งสังเคราะห์ที่แข็งหน่อย เพื่อให้สีแทรกซึมเข้าไปตามร่องได้ดี และขนไม่เสียรูปง่ายเมื่อเสียดสีกับผิวงาน
  • พื้นผิวที่มีลายเสี้ยนไม้ งานไม้บางชนิด เช่น โต๊ะไม้ ตู้ไม้ ที่โชว์ลายเสี้ยนไม้ จะใช้สีน้ำมันหรือแลคเกอร์ ควรใช้แปรงขนหมูหรือขนม้ากึ่งสังเคราะห์ที่มีปลายแตก เพื่อให้สีไหลเข้าตามลายไม้ สวยงาม

เคล็ดลับก่อนเลือกซื้อ

การเลือกซื้อแปรงทาสีขนสัตว์กึ่งสังเคราะห์มีหลายข้อที่ควรดู

  1. ลองดึงขนแปรงเบา ๆ ถ้าขนร่วงง่าย แสดงว่าคุณภาพไม่ดี
  2. ลองกดปลายขน ถ้าเด้งตัวดี แสดงว่าทนต่อแรงกดได้ดี
  3. จับด้ามดูว่าถนัดมือ น้ำหนักพอดี ไม่หนักเกินไป
  4. เลือกขนาดหัวแปรงให้เหมาะกับพื้นที่เล็กหรือใหญ่
  5. อ่านฉลากดูว่าขนสัตว์ชนิดใดผสมกับใยสังเคราะห์ชนิดไหน
  6. เลือกแปรงที่ทำความสะอาดง่าย จะช่วยยืดอายุการใช้งาน
  7. เก็บแปรงในที่แห้ง หลังใช้ควรแขวนให้ขนชี้ลง เพื่อไม่ให้ขนเสียรูป
  8. ถ้ามีงบจำกัด แปรงขนสัตว์กึ่งสังเคราะห์ถือว่าคุ้มค่ามากกว่าขนสัตว์ล้วน
  9. เลือกซื้อจากร้านที่ไว้ใจได้ จะได้แปรงของแท้และคุณภาพดี
  10. ใช้ให้เหมาะกับสี อย่าใช้แปรงเดียวกันกับหลายสี เพราะอาจทำให้สีปนกัน

วิธีดูแลหลังใช้งาน

หลังใช้งานควรล้างแปรงให้สะอาดทันที ถ้าเป็นสีน้ำล้างด้วยน้ำสะอาด ถ้าเป็นสีน้ำมันใช้ทินเนอร์หรือน้ำมันสน แช่พอให้สีละลายแล้วล้างด้วยน้ำสบู่ซ้ำอีกครั้ง จากนั้นซับให้หมาด ใช้มือจัดทรงขนแปรงให้อยู่ในรูปเดิมแล้วตากในที่ร่ม ห้ามวางตากแดดจัดเพราะขนแปรงอาจแข็งและเปราะแตกได้ง่าย

  1. ขั้นแรก เคาะหรือปาดสีส่วนเกินออกก่อน อย่าให้น้ำสีหยดเปื้อนพื้นหรือผนัง
  2. สีน้ำ ใช้น้ำสะอาดล้างหลายครั้งจนกว่าน้ำที่ไหลออกมาจะใส ไม่ควรใช้แปรงถูแรงเกินไป เพราะจะทำให้ขนแปรงเสีย
  3. สีน้ำมัน ใช้ทินเนอร์หรือน้ำมันสนเทลงภาชนะเล็ก ๆ แล้วจุ่มแปรงลงไป แกว่งไปมาเบา ๆ เพื่อให้สีหลุดออก แล้วเททิ้งให้ถูกวิธี จากนั้นใช้สบู่อ่อนหรือน้ำยาล้างแปรงโดยเฉพาะ ล้างซ้ำอีกครั้งด้วยน้ำเปล่าให้สะอาด
  4. หลังล้างเสร็จ ใช้ผ้าสะอาดซับน้ำออกเบา ๆ อย่าบิดขนแปรงแรง เพราะอาจทำให้ขนหักงอ
  5. จัดขนให้เข้ารูป ใช้มือดัดหรือรูดเบา ๆ ให้ขนแปรงกลับรูปเดิม เพื่อไม่ให้ขนกระจายหรือบาน
  6. ตากให้แห้งในที่ร่ม แขวนแปรงโดยให้ปลายขนชี้ลง เพื่อให้น้ำหยดลงไม่ย้อนกลับไปที่กาวยึดขน ซึ่งอาจทำให้กาวเสื่อมอายุเร็ว ห้ามตากแดดจัดเพราะความร้อนจะทำให้ขนแข็ง เปราะ และแตกปลายง่าย
  7. เก็บในที่แห้ง เมื่อแห้งสนิท เก็บแปรงไว้ในกล่องหรือถุงพลาสติกที่สะอาด ป้องกันฝุ่นและแมลงมาเกาะ

การเลือกแปรงทาสีขนสัตว์กึ่งสังเคราะห์ให้เหมาะกับประเภทสีและพื้นผิวช่วยให้งานออกมาสวย เรียบเนียน ประหยัดสีและเวลา ถ้าเลือกถูกต้องและดูแลให้ดี จะช่วยยืดอายุการใช้งานได้หลายครั้ง แปรงที่ดีจะช่วยให้งานทุกชิ้นเรียบร้อยและน่าภูมิใจ อย่าลืมฝึกใช้อย่างถูกวิธีและเก็บรักษาให้สะอาดอยู่เสมอ จะได้พร้อมใช้งานทุกครั้งเมื่ออยากสร้างสรรค์ผลงานใหม่ ๆ

Facebook
Twitter
Email
Picture of PKT Pocket

PKT Pocket

บริษัท พีเคที พ็อกเก็ต จำกัด

บทความที่น่าสนใจ

PKT LINE QR Code
(มี @ นำหน้าด้วยนะคะ)